วันอังคารที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ก่อนจะออกแบบ
มาทำความรู้จักสนามกอล์ฟมาตราฐานกันเถอะ

สนามกอล์ฟถือว่าเป็นสนามกีฬาที่กว้างขว้าง  ใช้พื้นที่ในการก่อสร้างมากที่สุด  เมื่อเทียบกับสนามกีฬาของชนิดกีฬาประเถทอื่นๆ   และก็เป็นสนามกีฬาที่สวยงามที่สุดอีกด้วย  เพราะในแต่ละสนามก็จะประกอบไปด้วยธรรมชาติที่สวยงาม  พื้นสนามหญ้าที่กว้าง  ต้นไม้ใหญ่น้อย  แปลงของไม้ดอกไม้ประดับมากมาย  รวมทั้งสระน้ำ  แอ่งเก็บน้ำขนาดใหญ่  ทำให้ภาพรวมของสนามกอล์ฟสวยงาม และให้ความเพลิดเพลินกับนักกอล์ฟที่เข้ามาเล่นกอล์ฟได้เป็นอย่างดี
โดยทั่วไปสนามกอล์ฟจะมีทั้งหมด 18 หลุม  ระยะรวมอยู่ที่ประมาณ 6,800-7,200 หลาใช้พื้นที่ในการทำสนามกอล์ฟประมาณ 500-700 ไร่   แล้วแต่งบประมาณและการออกแบบของแต่ละสนาม  โดยจะประกอบด้วยหลุมพาร์3,พาร์4 และพาร์5   และเกือบ90เปอร์เซ็น จะประกอบด้วย
-      พาร์ 3. จำนวน 4 หลุม          ระยะมาตราฐานของพาร์ 3. ไม่เกิน 250 หลา
-      พาร์ 4. จำนวน 10 หลุม        ระยะมาตราฐานของพาร์ 4อยู่ระหว่าง 251-480 หลา
-      พาร์ 5. จำนวน 4 หลุม          ระยะมาตราฐานของพาร์ 5. เกินกว่า 481 หลาขึ้นไป



เมื่อรวมจำนวนรวมของพาร์ได้เท่ากับ 72 พาร์  หมายถึงว่าสนามออกแบบมาให้นักกอล์ฟตีตามจำนวนครั้งทั้งหมด 72 ครั้ง เมื่อเล่นครบ 18 หลุม 
หากนักกอล์ฟทำสกอร์ได้เกินกว่าค่าพาร์ที่สนามกำหนดจะเรียกว่าทำสกอร์ โอเวอร์พาร์ เช่นตีไป 82 ครั้งเมื่อเล่นไปครบ 18 หลุม  ก็จะเรียกว่าทำสกอร์ได้ 10 โอเวอร์พาร์  และในทางกลับกัน  หากนักกอล์ฟทำสกอร์ได้ต่ำกว่าค่าพาร์ที่สนามกำหนด  ก็จะเรียกว่าอันเดอร์พาร์   เข่น ทำสกอร์ได้ 69 แต้มเมื่อเล่นครบ 18 หลุม  ก็จะเรียกว่าทำสกอร์ 3 อันเดอร์พาร์ นั่นเอง
 
       
    SCORE CARD.

ส่วนประกอบของสนามกอล์ฟ.
          1.แท่นตั้งที (Teeing Grounds) เป็นจุดเริ่มเล่นในแต่ละหลุม  บนแท่นตั้งที่ ก็จะมีหมุดปักแสดงพื้นที่ในการปักลูกเริ่มเล่น   และหมุดก็จะมีหลายหมุดโดยแบ่งตามระดับฝีมือ   เพื่อให้นักกอล์ฟได้เลือกเล่นตามระยะที่ตนเองต้องการ  โดยทั่วไปจะแบ่งดังนี้
- หมุดสำหรับนักกอล์ฟอาชีพและนักกอล์ฟแต้มต่อตัวเดียว (0-9)  ส่วนมากใช้สีดำ   ระยะรวมประมาณ 6,800-7,200 หลา
- หมุดสำหรับนักกอล์ฟสมัครเล่นทั่วไปชาย  ส่วนมากใช้สีขาว ระยะรวมประมาณ 6,400-6,800 หลา
- หมุดสำหรับนักกอล์ฟอาวุโสชาย  ส่วนมากใช้สีเหลือง  ระยะรวมประมาณ 6,000-6,400 หลา
- หมดสำหรับนักกอล์ฟสุภาพสตรีและนักกอล์ฟเยาวชน  ส่วนมากใช้สีแดง  ระยะรวมประมาณ 5,400-6,000 หลา


           2.แฟร์เวย์ (Fairway) เป็นพื้นสนามหญ้าที่ตัดเรียบ  จากแท่นตั้วทีไปจนถึงกรีน  โดยจะมีความกว้างเฉลี่ยประมาณ 32 หลา
          
          3.กรีน (Putting Green)  เป็นพื้นที่จุดสิ้นสุดในการเล่นในแต่ละหลุม  บนกรีนจะทำการเจาะหลุม  เพื่อให้นักกอล์ฟพัตลูกกอล์ฟให้ลงหลุม  จึงจะถือว่าเล่นจบในหลุมนั้น   กรีนเป็นพื้นที่ที่สำคัญที่สุดของสนามกอล์ฟ  และมีค่าการก่อสร้างสูงที่สุด   สนามแต่ละสนามจะให้ความเอาใจใส่ต่อกรีนสูงที่สุด เพื่อให้กรีนพัตอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด   สนามที่ดีต้องมีกรีนที่ดี  เพราะเกมส์กอล์ฟมาตัดสินผลแพ้ชนะกันบนกรีน
          
           4.บ่อน้ำหรืออุปสรรคน้ำ (Water Hazards)  มีไว้เพื่อเป็นอุปสรรคในการเล่น  เพื่อเพิ่มรสชาติในการเล่นกอล์ฟ  อีกทั้งเพิ่มความสวยงามให้กับสนามกอล์ฟ  แล้วแต่การออกแบบ  และยังเป็นแหล่งกักเก็บน้ำของสนามกอล์ฟอีกด้วย
          
           5.บังเกอร์หรือหลุมทราย (Bunkers)  ถือเป็นอุปสรรคอีกพื้นที่หนึ่งของสนามกอล์ฟ โดยจะนำทรายมาใส่ไว้ในหลุม   เพื่อให้นักกอล์ฟได้แก้ปัญหาเมื่อลูกกอล์ฟตกลงมายังหลุมทรายที่ออกแบบดักเอาไว้
          
           6.รัฟ (Rough) เป็นพื้นที่หญ้าที่ปล่อยไว้ให้ยาว  เพื่อเป็นอุปสรรคในการเล่นอีกอย่างหนึ่ง โดยปกติแล้วจะอยู่ขนานไปกับแฟร์เวย์  เมื่อลูกหลุดออกจากแฟร์เวย์ก็จะเข้ามายังรัฟ  ซึ่งจะตีได้ยาก เพราะลูกกอล์ฟจะจมอยู่ในหญ้าที่ยาว
         
           7.เขตโอบี (OUT OF Bounds) คือเขตหรือแนวที่แสดงพื้นที่ที่อยู่นอกสนาม  จะแสดงด้วยหลักหรือเส้นสีขาว
         

           8.พื้นที่ซ่อม (Ground Under Repair)   คือพื้นที่ที่อยู่ระหว่างการซ่อมแซมหรือปรับปรังใหม่  ยังไม่พร้อมที่จะให้นักกอล์ฟเล่น  โดยจะแสดงขอบเขตไว้ด้วยเส้นหรือหลักเพื่อแสดงว่าเป็นพื้นที่ซ่อม
      มารับฟังประสบการณ์ขั้นตอนการสร้างการออกแบบจากผู้มีประสบการณ์กันในข้อความด้านล่างนี้จะทำให้ทราบถึงการสร้างในขั้นตอนต่างๆและทราบถึงการใชัพืชพรรณที่สำคัญไม่สำคัญเราไม่พูดถึงมันไม่มีสาระและจะรู้ถึงปัญหาต่างๆต่อไป


Project การสร้างสนามกอล์ฟ ”   เครดิตคุณโย่ง2 จากเว็บพันทิพ
"ขั้นตอนและรายละเอียดการสร้างสนาม Riverdale Golf Club "
จากขั้นตอนนี้ควรมีการศึกษาก่อนจะอ่านหากผู้ที่ไม่รู้จริงมาอ่านก็จะเกิดความมึนงงควรจะทำการศึกษากินจะมาวิจารบทความนี้ ขัอความนี้จะรวมไปถึงการสร้างขั้นตอนปัญหาการใช้พืชพรรณ

    คงมีไม่กี่คนที่มีโอกาสได้สร้างสนามกอล์ฟ เพราะทั้งประเทศ มีสนามกอล์ฟ แค่ 200 กว่าสนามเอง บุคลากรทางด้านนี้จึงมีไม่ค่อยมากนักผู้เขียนโชคดี ที่มีโอกาสได้มีส่วนร่วม ถือว่าเป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิต(ไม่รวมการป้องกันน้ำท่วมสนาม ซึ่งเป็นอีกประสบการณ์หนึ่งเหมือนกัน)

มาเริ่มกันเลยดีกว่า สนามกอล์ฟ 18 หลุมมาตรฐาน ต้องใช้ที่ดินกี่ไร่เอ่ย Riverdale Golf Club ใช้พื้นที่ประมาณ 360 ไร่ คิดว่าเป็นสนามที่ใช้ที่ดินน้อยมากสนามหนึ่งเลยทีเดียว เริ่มต้นก็ต้องออกแบบก่อนสิครับ designer แต่ละคนมีวิธีการออกแบบไม่เหมือนกัน เจ้าของสนามก็มีวิธีคิดไม่เหมือนกัน เช่นกัน บางคนออกแบบในกระดาษ 90% ปรับแก้หน้างาน 10% บางคนขึ้นโครงในกระดาษ แล้วไปว่าหน้างานเอา บางสนามเจ้าของรอจ่ายตังอย่างเดียว บางสนาม เจ้าของมาออกแบบด้วย

สำหรับRDGC (ขออนุญาตใช้ตัวย่อนะครับ) เจ้าของและผู้ออกแบบเคยทำงานร่วมกันมาแล้วที่สนาม Red Mountain ภูเก็ต เอาง่ายๆรู้ทางกันดีครับRDGC เกิดจาก เจ้าของ MBK CENTER ต้องการจะพัฒนาที่ดินแปลงนี้ซึ่งถืออยู่นานแล้วโดยคิดไว้หลายทางเลือก สุดท้ายจบที่ ทำสนามกอล์ฟ และพัฒนาที่ดินทำหมู่บ้านรอบสนามโดยใช้สนามกอล์ฟเป็นจุดเด่นของโครงการ
แนวคิดการออกแบบ คือ

- ต้องเป็นสนามที่แตกต่างจากสนามในเมืองทั่วไป
- เป็นสนามกอล์ฟเกรดเอ มีคุณภาพ และแน่นอนต้องเล่นสนุก
- น้ำต้องไม่ท่วม (เห็นไหม ถูกคิดตั้งแต่ออกแบบ แล้วครับ )

เนื่องจาก สนามบางกอกและปทุมธานี ดังมากเมื่อเกิดน้ำท่วมคราวก่อนโน้นที่ดินเดิมของสนาม ก็ต่ำกว่าพื้นที่รอบๆ อยู่หลายเมตร อย่าอย่างนั้นเลย ไหนๆก็ต่ำกว่าอยู่แล้ว ขุดมันเลยแล้วกัน แล้วเอาดินที่ได้มา ถมที่รอบๆสนามซะแถมยังได้ลักษณะเป็นvalley อีกต่างหาก (ตอนแรกว่าจะชื่อ lotus valley เหมือนกัน แต่โดนแย่งไปก่อน)

หลังจากเปิดหน้าดินแล้ว ก็มีการทำ survey คือ ตรวจสอบสภาพพื้นที่เพื่อเอามาคำนวนว่า จะต้องขุดดินเท่าไร และถมดินเท่าไร เพื่อให้ได้ตามแบบที่ต้องการตรงนี้ก็มีการปรับแก้แบบกับ designer สนามกอล์ฟ และผู้ออกแบบโครงการบ้านเพื่อให้ได้ระดับดินที่เหมาะสม และน้ำไม่ท่วมครับจากการออกแบบ ต้องขนย้ายดินประมาณ 2,000,000 ลบม. ครับ เยอะแค่ไหน ...... ก็แค่รถบรรทุก 10 ล้อ แค่ 100,000 เที่ยว เอง

แถมยังต้องขุดตาม contour (ลักษณะธรรมชาติของพื้นดิน) สนามที่ออกแบบเหมือนแกะสลักสนามนะครับพื้นที่ fairway ส่วนใหญ่จะเป็นดินเดิม แทบไม่มีการถมดินเลยมีเพียง tee off และ green บาง ตำแหน่งเท่านั้นที่มีการถมเล็กน้อย

ทุกที่มีอุปสรรคในการทำสนามกอล์ฟทั้งนั้น เช่น บางสนาม ขาดแคลนน้ำ บางสนาม ดินไม่เหมาะในการทำสนาม ฯลฯRDGC น้ำสมบูรณ์ดี เพราะใกล้แม่น้ำเจ้าพระยาแต่เป็นดินเหนียว
  ข้อดี คือ เป็นดินที่ทึบน้ำ นั่นคือ ทะเลสาบสามารถเก็บน้ำไว้ได้ ไม่ซึมลงข้างล่าง
  ข้อเสีย คือ เวลาฝนตก ทำงานไม่ได้เลย เละมาก เสียเวลา ปลูกต้นไม้ไม่ค่อยดี

หลังจากขุดดินเป็นรูปร่างใกล้เคียง แบบที่วาดไว้แล้ว เราเรียกว่า rough gradeก็จะส่งต่อไปให้ฝ่ายงานก่อสร้างสนามกอล์ฟดำเนินการ ซึ่งหัวหน้าก็คือ superintendent ที่อยู่ปัจจุบันนี้แหละครับคราวนี้ก็จะถูกแบ่งพื้นที่ออกเป็นส่วนๆ มีวิธีก่อสร้างไม่เหมือนกันเดี๋ยวเรามาดูกัน

มาดู Fairway กันก่อนหลังจากได้พื้นที่มาแล้ว จะมีเจ้าหน้าที่ขับรถดันดิน เรียกว่า shaper จะปรับดินให้เรียบอีกครั้งหนึ่งในขั้นตอนนี้จะเริ่มดูว่า เนิน บังเกอร์ ต่างๆ เป็นอย่างไรบ้าง ต้องสูงต่ำเท่าไรจึงจะสวยเราเรียกขั้นตอนนี้ว่า fine shape

ในระหว่างนี้ก็จะมีการวางงานระบบระบายน้ำลงไปด้วย เช่นท่อเชื่อมต่อระหว่างทะเลสาบ เพื่อให้สามารถรวมน้ำไปในจุดที่จะระบายน้ำได้บางสนามมีตำแหน่ง ระบายน้ำ หลายจุด เนื่องจากติดทางน้ำสาธารณะ เยอะ ซึ่งจะทำให้เครื่องสูบน้ำแต่ละที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก และไม่ต้องวางท่อเชื่อมระหว่างทะเลสาบ ที่มีค่าใช้จ่ายสูง

รายละเอียดจริงๆเยอะมากครับ การจัดการไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย เอาแค่พอสังเขปแล้วกันนะครับระบบระบายน้ำใหญ่ที่วางใน fairway เพื่อนำน้ำมาลงทะเลสาบ เราเรียกว่า storm drainใช้ท่อคอนกรีตหรือ PVC วางอยู่ลึกที่สุด และปลายท่อจะต้องจมใต้ผิวน้ำ เดี๋ยวไม่สวย

จาก storm drain จะมีบ่อขึ้นมา เพื่อระบน้ำจากระบบระบายน้ำย่อย และจะมีบ่อพักโผล่ขึ้นมาในสนามตามจุดต่างๆ เรียกว่า CB (catch basin)

โดยจะวางไว้ในตำแหน่งที่ต่ำที่สุดของแต่ละพื้นที่ ด้านบนจะมีฝาตะแกรงเหล็ก เพื่อนๆลองสังเกตในสนามดู

คราวนี้มาถึงระบบระบายน้ำย่อย จะเป็นระบบที่รับน้ำจากพื้นผิวที่ซึมลงมา เราเรียก subdrain เมื่อก่อนจะใช้ท่อ pvc เจาะรูเหมือนรูปบน ขนาดประมาณ 4 นิ้ว ปัจจุบัน นิยมใช้ท่อ pe สีดำ ที่มีรูพรุนรอบ เราเรียกว่าท่อ perforate

รู้สึกว่าใช้ความยาวเป็น 10 กิโลเมตรเลยมั้งครับ ใช้เยอะมาก ยิ่งใช้มากเท่าไร สนามยิ่งระบายน้ำได้ดีเท่านั้นโดยขุดร่องเป็นก้างปลาแล้วหุ้มท่อด้วยกรวดกรองในรูปครับ

มีข้อต่อสำเร็จมาให้เรียบร้อย

subdrain ที่วางไว้เห็นหลายท่านที่ทำสนามกอล์ฟ เคยบอกว่าต้องลงเพิ่ม หรือซ่อมแซมทุกปี เพราะเมื่ออยู่ไปนานๆอาจจะตัน หรือสนามบางที่อาจจะแฉะเพิ่มขึ้น 

หลังจาก fine shape แล้วก็ ลง subdrain ระหว่าง นั้นก็ลงระบบสปริงเกอร์ ว่าด้วยท่อเมนก่อน ส่วนใหญ่จะวางนอก fairway เนื่องจาก หากต้องขุดซ่อม จะได้ไม่ขวางทางเล่น และโอกาสเสียหายน้อย ใช้ท่อpe รับแรงดันสูงรับแรงดันประมาณ 120 เมตร แรงขนาดไหน ส่งน้ำขึ้นตึก 30 ชั้น ได้ละครับ แรงไหมละในรูปเป็นเครื่องเชื่อมความร้อน ใช้สำหรับเชื่อมท่อ PE ครับ

ในรูป จากท่อเมน จะต่อเข้าท่อย่อย และผ่านวาล์ว เข้าหัวสปริงเกอร์บางสนามรุ่นเก่า ใช้ 1 วาล์ว คุมหัวสปริงเกอร์ 3-4 หัวRDGC ใช้ระบบ valae in head นั่นคือ มีวาล์วในหัวสปริงเกอร์ครับเมื่อก่อน วาล์วถูกควบคุมโดยตู้คอนโทรลในสนาม ปัจจุบัน ระบบควบคุมถูกควบคุมโดยคอมพิวเตอร์ ในสำนักงานสั่งการผ่านสายไฟฟ้าเล็กๆให้วาล์วที่หัวสปริงเกอร์เปิดบางท่านอาจไม่ทราบ ในสนามกอล์ฟ 18 หลุม ใช้หัวสปริงเกอร์ประมาณ 1,000 หัวครับ

งานก่อสร้างสนามกอล์ฟ ไม่ใช่มีแค่สนามไหนจะต้องสร้างคลับเฮ้าส์ ซุ้มน้ำ ถนน ซุ้มประตู รั้ว กำแพงกันดินเตรียมเครื่องจักรดูแลสนาม  ระบบคอมพิวเตอร์ งานบริการในคลับเฮ้าส์ ฯลฯ

งานระบบใน RDGC ก็พื้นๆละครับ ตอนออกแบบก็วาง concept ว่าต้องใช้รถกอล์ฟ แล้วละครับ เพราะเราสั่งรถกอล์ฟมาทีเดียว 160 คันเลย ในรูปเริ่มเททางรถกอล์ฟแล้ว

คุณภาพสนามเนี่ยแลกมาด้วยเงินและความเอาใจใส่ จริงๆครับของถูกและดี หาไม่ง่ายครับ

ระหว่างนี้ เราไปเตรียมหญ้าที่จะปลูกกันดีกว่าเริ่มแรกสนามวางไว้ว่า จะใช้หญ้าดังนี้ครับกรีนเป็น ทิปดร๊อฟ รัฟ และ fairway เป็นนวลน้อย เพราะดูแลง่าย และ ลูกในfairway ลอยดี ตีง่าย 555tee off ใช้พาสพาลั่ม เนื่องจากฟื้นตัวเร็วเริ่มแรกเตรียมพื้นที่ อนุบาลหญ้า ตามรูปครับ

วางระบบระบายน้ำ เสร็จแล้วก็ปูทราย วางหัวสปริงเกอร์ ไม่ต้อง pop up แบบในสนามนะครับ มันแพง

หญ้าอนุบาล ใช้พันธุ์แบบเป็นข้อหญ้า ที่เห็นเป็นพาสพาลั่มครับ

ปลูกหญ้า เหมือนห้องแล็ปวิทยาศาสตร์เลยครับ

กลับมาที่สนาม ระบบเรียบร้อยแล้วก็ปูทรายครับสำหรับ RDGC แบ่งทรายที่ใช้ แยกจาก แย่ไปหาดีที่สุด ดังนี้ครับทรายรัฟ ปูไม่หนามาก 10-15 ซม. ใช้ทรายที่ขุดได้ในสนาม และซื้อบางส่วน ประหยัดงบได้เยอะมากทรายปู fairway คัดพิเศษ ขนาด 4 มม. ต้องมี silt (ฝุ่นในทราย) น้อยมาก จำปริมาณผ่าน sive (ตะแกรงร่อน)ไม่ได้แล้ว ปูหนาไม่ต่ำกว่า 25 ซม.เพราะเวลา coring (เครื่องเจาะ)จะได้ไม่โดนท่อต่างๆในดิน

ทรายที่ดีที่สุด ก็ ทรายgreen ครับ ขนาด 2 มม. แน่นอนsilt น้อยมากๆ เดี๋ยวไปดูการก่อสร้างกรีนกันทรายที่แพงที่สุดก็ ทรายบังเกอร์ไงครับ แพงมากแถมต้องเติมทุกปีด้วยครับ เพราะเพื่อนๆชอบสาดทรายขึ้น green กันประจำ ทรายเลยหายไปจากบ่อ RDGC ใช้ทรายสีขาวอมชมพู น่าจะมาจากสระบุรีนะครับ หากมีดินลงไปปนมากๆสีจะไม่สวย ก็ต้องเปลี่ยนทรายทั้งบ่อส่วนใน waste bunker ใช้ทรายที่ปูfairway นั่นแหละครับ

พักเรื่อง fairway ไว้ตรงปรับปูทรายก่อนแล้วกันมาดูพระเอกในสนามกันก่อน    ใช่แล้วครับ เรามาสร้าง green กันMr. Allen Teekanen เป็นผู้รับผิดชอบในการ shape เค้าเป็นศิลปินมากเลย ประสบการณ์เยอะมาก สนามดังๆในไทยหลายสนาม เค้าคนนี้ละเป็นคนปั้นตรวจสอบระดับกันเป็นมิลลิเมตรละครับ   เจ้าตัวที่เห็นจอดในรูปข้างบน เรียกว่า sand pro เอาไว้เกลี่ยทราย เพื่อปรับเรียบ

กลับมาที่งานสร้าง green ต่อนะครับหลังจากได้ระดับที่พอใจแล้ว ก็ทำการเก็บค่าระดับทั้งหมดเพื่อเอาไว้ตรวจสอบเมื่อลงทราย อีกครั้งด้านล่างจะมี CB เพื่อรับน้ำ และวางก้างปลาบางส่วน ก่อนที่จะปูทับด้วยกรวดกรอง จำไม่ได้ว่าหนาเท่าไร น่าจะ 30 ซม. รอบๆกันด้วย แผ่นพลาสติก

หลังจากนั้นก็ปูทราย จะเห็นว่าเป็นทรายคนละชนิดกับใน fairway

ตอนนี้เราปูทรายแล้วทั้งสนามกอล์ฟ เดี๋ยวมาปูหญ้ากันตัดมาดูรายละเอียดอื่นกันก่อนนะครับเอาเรื่องระบายน้ำก่อนละกันระหว่างก่อสร้างก็มีปัญหาเรื่องสูบน้ำขึ้นจากสนามแล้วครับฤดูฝนก่อสร้างสนามเหนื่อยมาก ต้องสูบน้ำขึ้นสูงกว่า 15 เมตร

หัวใจของสนามครับ ปั้มไฟฟ้า 3 ตัว ขนาด 800 ลบม./ชม./ตัว ที่ความสูง 25 เมตรใหญ่โคตร และมีปั้นดีเซลอีก 3 ตัว ขนาด เล็กกว่าไฟฟ้า ครึ่งหนึ่ง

ปั้มทั้งหมดอยู่ที่หลุม 8 ครับ หากเพื่อนๆสังเกตุ ปั้มจะอยู่ใต้ถนนที่จะไปหลุม 8 นะครับแต่เดิมจะทำเป็นอาคารโผล่ขึ้นมาครึ่งหนึ่งเพื่อให้สะดวกในการดูแลตอนนั้นยังไม่มี island green เพราะมาคิดที่หลังพอมีกรีนกลางน้ำ คราวนี้น่าเกลียดเลย

สุดท้าย มันต้องหายไป ดังนั้นเลยต้องทุบครับ

แต่ก็คุ้มค่าครับ อลังการงานสร้างมากเลย

มาดูกรีนกลางน้ำกันบ้างในแนวคิดที่ต้องการให้ทุกหลุม ให้ความรู้สึกที่ไม่เหมือนกันไม่ใช่ตีหลุม par 3 หลุมนี้ เหมือนหลุมโน้น  ฯลฯไอเดีย 2 กรีน จึงบังเกิด

ขุดเสร็จแล้ว ก็ต้องลงไปปั้นใหม่สิครับ

และแล้วเราก็มี signeture hole ถามผู้ออกแบบว่าหลุมไหน เค้าบอกทุกหลุมครับ

สุดท้ายแล้วครับ ทนอ่านกันนิดหนึ่งมาปูหญ้ากัน ตอนนี้ ต้นไม้ใหญ่ ต่างๆต้องลงแล้วนะครับได้ความรู้ ว่า ต้นไม้ใหญ่ที่ลงบางต้นมีความหมายในเกมกอล์ฟด้วยเช่น เป็นจุดเล็งในการ tee off  ว่าง่ายๆ เป็น marking นะครับบางส่วนลงเพื่อเป็น safety บางส่วนเพื่อร่มเงา RDGC ตอนแรกแบบคล้ายๆจะเป็น link course สุดท้ายเพิ่มต้นไม้ เลยดูร่มรื่นขึ้นเยอะ

หญ้าสนามกอล์ฟ เท่าที่รู้ มีวิธีปลูก 2 วิธี คือ ปูหญ้าเป็นแผ่น กับ หว่านกิ่งหญ้าส่วนการใช้เมล็ด ไม่รู้ว่าใช้กันรึป่าวในรูป เป็นการปูหญ้านวลน้อย ครับ

แต่สุดท้าย ก็ได้มีการตัดสินใจเปลี่ยนหญ้า fairway เป็นพาสพาลั่ม เนื่องจากสภาพดินในสนามเป็นด่าง และมีเกลือ ทำให้คุณภาพน้ำไม่เหมาะกับหญ้านวลน้อยแต่พาสพาลั่มชอบ เนื่องจากพาสพาลั่มชอบเค็ม กว่านวลน้อยครับในรูปเป็นการปลูกพาสพาลั่มแบบหว่านครับ

สุดท้ายเราก็ได้ fairway พาสพาลั่มที่สวยงามอย่างที่เห็นครับ

มาปูหญ้าต่อครับ ถ้าจำได้ผมเล่าไว้ข้างบนว่า RDGC เปลี่ยนหญ้า fairway จากนวลน้อยเป็นพาสพาลั่ม เนื่องจากไม่เหมาะสมกับน้ำ เห็นผู้รู้บางท่าน บอกว่าการเลือกชนิดของหญ้า ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น พื้นที่ขาดแคลนน้ำ หญ้านวลน้อยจะเหมาะสมกว่าพาสพาลั่ม เนื่องจากใช้น้ำน้อยกว่าพาสพาลั่ม ถ้าน็อคน้ำ คือขาดน้ำมากถึงขนาดหนึ่ง จะฟื้นตัวยากกว่าแต่พาสพาลั่มมีข้อดีคือ หากน้ำเพียงพอ จะโตเร็ว ทำให้แผลดิวอท หายเร็วและสามารถตัด fairway ให้ขึ้นลายสวยงามได้ง่ายกว่านวลน้อยครับ

RDGC  ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 3 ปี ถือว่านานมากสำหรับสนามกอล์ฟ แต่เราไม่เร่งครับค่อยๆสร้าง  และสร้างแบบเงียบๆ ขนาดลูกค้ามาตีกอล์ฟที่สนามบางกอก ยังไม่รู้เลยว่ามีสนามกอล์ฟอยู่ข้างๆหลังจากเราได้กิ่งหรือข้อพันธ์ ของหญ้ามาแล้ว ก็มาทำแปลงปลูกตามกระทู้ข้างบนสุดท้าย จะปล่อยให้ยาวแล้วตัดเป็นข้อ นำไปหว่านในสนามด้านล่าง เป็นแปลงอนุบาลหญ้า กรีน สายพันธ์ทิปดร๊อฟ ครับ

แปลงหญ้าอนุบาล จะปล่อยให้หญ้ายาวมากๆ พาสพาลั่มก็มีแปลงอนุบาลนะครับ แต่จุดประสงค์ไม่เหมือนกันหญ้า fairway ส่วนใหญ่จะหว่าน แต่บางพื้นที่ มีความลาดเอียงมาก จำเป็นต้องใช้หญ้าแผ่น (sod grass)ก็ต้องเอามาจากแปลงอนุบาลแหละครับส่วนบน green ต้องหว่านอย่างเดียวเท่านั้น เพราะเราปรับทรายไว้เรียบมาก ถ้าใช้หญ้าแผ่นวางจะทำให้เนินที่ออกมาไม่ได้ตามแบบ

หลังจากหญ้าfairway แล้วคราวนี้ก็มาหญ้าgreen บ้างละปรากฎว่า ทิปดร๊อฟที่ปลูกไปแล้วหลายกรีน ไม่ OK ครับ เนื่องจากเกิดการ multation หรือกลายพันธ์นั่นเองหญ้านี้เดิมถูก breeding มาจากพันธ์เบอร์มิวด้า ว่าง่ายๆเป็นเบอร์มิวด้าแคระละครับแต่เพราะใช้กันมานานแล้วจึงมีการกลายพันธ์ คือพยายามจะไม่แคระแหละครับซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาของสิ่งมีชีวิต คราวนี้ปัญหาคืออะไรละครับตอนแรกผมก็ไม่รู้เรื่องหรอกครับ หญ้าอะไรก็เหมือนกันหมดแหละ เข้มบ้างอ่อนบ้าง ขอให้มันเขียวๆเต็มสนามก็โอเคแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นคือ สีหญ้าบนกรีนไม่สม่ำเสมอ ความหนาแน่นไม่เท่ากันเนื่องจาก ใบหญ้าขนาดไม่เท่ากันสิ่งที่ตามมาคือ สปีดบนกรีนก็จะไม่สม่ำเสมอ

ทราบไหมครับ สนามกอล์ฟตัดหญ้าสูงเท่าไร วัดสปรีดกันอย่างไรรัฟจะยาวที่สุด 4-15 ซม. มั้งครับ fairway 14 มม.  Tee off 10 มม. green 3 มม.ขึ้นอยู่กับชนิดและการดูแลหญ้า ของแต่ละสนามครับหลังจากปรึกษากันอยู่พักใหญ่ สุดท้ายเห็นควรเปลี่ยนพันธ์หญ้ากรีนใหม่ตัวเลือกมีอะไรบ้างเอ่ยทิปดร๊อฟ , ทิปอีเกิ้ล , โนโวเท็ค , ฯลฯ  ทิปอีเกิ้ล ทำสปีดได้ดีที่สุด สนามดีๆหลายสนามก็ใช้ แต่ดูแลยากและด้วยสโลปของกรีน แค่สปีด 9-10 ก็ตายแล้วโนโวเท็ค ใช้ที่ Red Mountain ก็ยังไม่โดนใจ

สุดท้าย เราเลือกสั่งหญ้า miniverde มาจากอเมริกาครับ RDGC เป็นสนามที่ 2 ในประเทศไทยที่ใช้หญ้าพันธ์นี้สุวรรณคันทรี่คลับ ใช้ก่อนเราครับ คือหญ้าเค้ามาก่อนเราแค่สัปดาห์เดียวนะครับค่าใช้จ่ายเป็นล้านครับ ใส่กล่องมาทางเครื่องบินเลยครับเป็นเศษหญ้ามาในกล่องนะครับ

แช่เย็นมาเลยครับ แถมมีการตรวจสอบรับรองคุณภาพ เสียด้วย

เจ้ากล่องสีเหลืองที่เห็นจะถูกใส่มาในกล่องหญ้า จะเป็นตัวบันทึกอุณหภูมิ ของกล่องหญ้าตลอดการจัดส่งเพื่อเป็นการยืนยันว่าหญ้าจะไม่ตายนึ่งเมื่อมาถึงมือลูกค้าครับ

มาถึงก็ต้องรีบหว่านเลยครับ ต้องพยายามปลูกให้เร็วที่สุด ยิ่งสดยิ่งมีโอกาสรอดเยอะ

รอยที่เห็นเกิดจากจานกดที่อยู่ท้าย sand pro คันนี้ครับ

ทำกันยันมืดเลยครับ

สุดท้ายเราก็ได้หญ้าอย่างที่เห็นครับสีสวยมากเลย หนานุ่มมาก แต่เมื่อเราตัดเหลือแค่ 3 มม. หญ้าจะเครียด สีเลยไม่สวยเหมือนในรูป

สำหรับงานก่อสร้างสนามกอล์ฟ คงจบแค่นี้นะครับเป็นไงครับ กว่าจะได้สนามกอล์ฟมาให้พวกเราเล่นกัน ไม่ง่ายเลยนะครับมีอุปสรรคตลอดการก่อสร้าง มากมายปรับทรายแล้ว ฝนตก ต้องมาปรับใหม่ บางที่ปรับอยู่เป็นอาทิตย์ไม่ได้ปูหญ้าสักทีทำแล้วรื้อก็ไม่น้อย มีการปรับแก้กันตลอดกว่าจะมาเป็นสนามกอล์ฟสวยๆ ตีสนุกอย่าง RDGC

สร้างสนามกอล์ฟต้องใช้เงินเท่าไร
   
มาลองคำนวนเล่นๆกันนะครับ ค่าก่อสร้างสนามกอล์ฟ รวมคลับเฮ้าส์ , เครื่องจักรดูแลสนาม , บ้านพักคนงาน, ซุ้มน้ำ , รถกอล์ฟ 160 คัน , ฯลฯ   น่าจะประมาณ 400-450 ล้านที่ดินไม่รู้ราคา เอาเป็น ไร่ละ ล้านแล้วกัน คิดง่ายๆ  360 ล้านไหนต้องทำถนนทางเข้าสนามกอล์ฟอีก ยิ่งถ้าเป็น RDGC โดนค่าขุดดินอีก 2 ล้านคิวตัวเลขกลมๆคงต้องมีเงินสัก 800-1,000 ล้านละครับต่อ 1 สนาม

ไม้มีกลิ่นในสนามกอล์ฟ ไม่ค่อยให้ความสำคัญเท่าไรครับจะให้ความสำคัญกับทรงและลักษณะของต้นไม้มากกว่า เช่นไม่นิยมต้นไม้ประเภทไทร ไว้ใกล้ กรีน เนื่องจากรากสามารถแผ่ไปในกรีนได้ต้นไม้ประเภทที่ผลัดใบบ่อยๆ หรือใบเล็กๆ เนื่องจากปลิวง่ายเก็บกวาดลำบาก เป็นต้นครับต้นไม้ประเภทที่มีรากโผล่ขึ้นมาตามผิวดินก็ไม่ดี เพราะนักกอล์ฟอาจตีไปโดนรากไม้ เป็นอันตรายได้ครับ

รายละเอียดมากมายครับ กว่าจะมาเป็นสนามกอล์ฟ คราวนี้มาดูกัน มีตัง 800 ล้าน ถ้าไม่รักกอล์ฟ จะทำสนามไหมคิดดอกเบี้ย ร้อยละ 5 ต่อปี ก็ตก 40 ล้านต่อปี 3.3 ล้านต่อเดือนหักค่าใช้จ่ายแล้วต้องเหลือเดือนละ 3.3 ล้านบาท เป็นธุรกิจที่ไม่น่าลงทุนเท่าไหร่เลยเนอะแค่คนงานดูแลสนามก็เกือบ100ชีวิตแล้ว ในคลับเฮ้าส์อีกเท่าไรเฉพาะปุ๋ยที่ใช้ในสนามก็เดือนละเป็นแสน แล้วครับแต่โชคดีเราใช้สารเคมีอื่นน้อยมากๆ แทบไม่ใช้ยาฆ่าแมลงเลย เพราะมีแต่โรงงานอยู่รอบ555เครื่องจักทั้งหมดที่ดูแลสนามมูลค่าหลายสิบล้าน ผมชอบตัดลายตารางในfairwayมาก สวยดีนี่คือสาเหตุที่ทำให้ค่ากรีนฟีของRDGCสูงกว่าสนามรอบๆครับ เพื่อจะรักษาคุณภาพของสนามให้ดีที่สุดครับ

ทราบไหมครับสนามที่เตรียมตัวเพื่อการแข่งขัน หลังจากแข่งเสร็จ บางสนามต้องกลับมาบำรุงกรีนกันยกใหญ่ เนื่องจากตัดสั้นมากและบดจนแน่นเพื่อให้กรีนเรียบและเร็วที่สุด สุดท้ายหญ้าเกือบตายยกกรีน

การดูแลสนามของ RDGC ค่อนข้างยากกว่าหลายๆสนามหนึ่งในนั้นคือการเลือกใช้หญ้าหลายสายพันธ์ ทำให้เกิดการ combination คือปนกันของหญ้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งระหวางนวลน้อยกับพาสพาลั่ม อีกทั้งวัชพืชต่างๆ ตามอายุของสนามกอล์ฟทำให้ RDGC จำเป็นต้องมีแผนเขตกรรมที่ค่อนข้างหนักเพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต

อ้างอิงจาก www.
http://topicstock.pantip.com และhttp://www.golfprojack.com จึงเรียนมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน
หวังว่าคงจะได้ประโยชน์จากข้อความนี้ไม่มากก็น้อย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น